“วอลท์ ดิสนีย์” ยักษ์ใหญ่แห่งแวดวงสื่อสารมวลชนและธุรกิจบันเทิงของสหรัฐฯ ประกาศบังคับใช้มาตรการตัดลดค่าใช้จ่ายภายในองค์กรครั้งใหญ่ซึ่งอาจส่งผลให้ เกิดการปลดพนักงานจำนวนมาก รวมถึงพนักงานในส่วนการผลิตภาพยนตร์และแอนิเมชัน รายงานซึ่งอ้างแหล่งข่าวภายในบริษัทดิสนีย์อย่างน้อย 3 คนระบุว่า บริษัทด้านบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดของโลกซึ่งมีฐานอยู่ที่เมืองเบอร์แบงก์ ในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย และก่อตั้งมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1923 แห่งนี้ ประกาศใช้มาตรการตัดลดค่าใช้จ่ายภายในองค์กรรอบใหม่ ซึ่งอาจรวมถึงการปรับลดตำแหน่งงานลง จากจำนวนพนักงานในสังกัดทั้งหมดที่มีอยู่มากกว่า 156,000 คนในขณะนี้ ทั้งในส่วนของสายการผลิตภาพยนตร์ แอนิเมชัน รายการโทรทัศน์ ธุรกิจสวนสนุก และการจำหน่ายของที่ระลึกต่างๆ นอกจากแผนปรับลดค่าใช้จ่ายในองค์กรด้วยการปลดพนักงานออกแล้วแหล่ง ข่าวยังเผยว่า ทีมผู้บริหารของดิสนีย์ ที่นำโดยนายโรเบิร์ต เอ.ไอเกอร์ หรือ “บ็อบ ไอเกอร์” ประธานและซีอีโอวัย 61 ปี ที่เข้ามารับตำแหน่งเมื่อปลายปี 2005 อาจตัดสินใจขายธุรกิจบางส่วนที่ไม่ทำกำไรหรือไม่คุ้มค่าต่อการลงทุนออกไป หลังจากที่ดิสนีย์เคยทำการซื้อและควบรวมกิจการของหลายบริษัทตลอดหลายปีที่ ผ่านมา ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ทีมผู้บริหารของดิสนีย์เคยออกมาเตือนว่า ต้นทุนในการดำเนินธุรกิจของบริษัทเริ่มพุ่งสูงขึ้นจนเข้าสู่ “ระดับอันตราย” จากสาเหตุสำคัญคือค่าลิขสิทธิ์ในการถ่ายทอดการแข่งขันกีฬาที่พุ่งสูงขึ้น สวนทางกับรายได้ที่ลดฮวบของดิสนีย์ในธุรกิจการจำหน่ายภาพยนตร์แบบโฮ มเอนเตอร์เทนเมนต์ เป็นเหตุให้บริษัทต้องนำมาตรการตัดลดค่าใช้จ่ายมาใช้อีกครั้ง หลังจากเคยบังคับใช้มาตรการที่คล้ายคลึงกันมาแล้วในช่วงที่เกิดวิกฤตการเงิน ใน “วอลล์สตรีท” เมื่อปี 2008 ขณะเดียวกัน มีรายงานว่าธุรกิจในส่วนของเกมออนไลน์ และสื่อประเภท “interactive” ของดิสนีย์ ต้องประสบภาวะขาดทุนสูงถึง 758 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 23,080 ล้านบาท) ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา และลำพังปี 2012 เพียงปีเดียว สายงานดังกล่าวของดิสนีย์ประสบภาวะขาดทุนถึง 216 ล้านดอลลาร์ (ราว 6,577 ล้านบาท) อย่างไรก็ดี ซีเนีย มูชา โฆษกหญิงของดิสนีย์ยืนยันว่า ข่าวการตัดลดค่าใช้จ่ายภายในองค์กรล่าสุด เป็นไปโดยคำนึงถึงความมีประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจเป็นหลัก เป็นเหตุให้ต้องมีการปรับลดพนักงานในบางส่วนลง เนื่องจากทางบริษัทได้มีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ หลายอย่างเข้ามาทำงานแทนแรงงานมนุษย์ในช่วงที่ผ่านมา พร้อมย้ำว่าความเคลื่อนไหวล่าสุดมิได้หมายความว่าสถานะของบริษัทกำลัง “ง่อนแง่น” ตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้แต่อย่างใด ทั้งนี้ มีข้อมูลว่า นับตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป ดิสนีย์จะมีการปรับยุทธศาสตร์ใหม่ โดยอาจรวมถึงการผลิตภาพยนตร์และแอนิเมชันออกมาในจำนวนที่น้อยลง และจะหันไปพึ่งพา “สตูดิโอภายนอก” ในการผลิตผลงานให้มากขึ้น เช่น “ดรีมเวิร์คส์ สตูดิโอ” ของผู้กำกับดัง สตีเวน สปีลเบิร์ก เพื่อลดค่าใช้จ่ายภายในของดิสนีย์