ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (1 พ.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุน รวมถึงตัวเลขจ้างงานในภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้นน้อกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ไว้ และดัชนีภาคการผลิตที่ชะลอตัวลง ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 138.85 จุด หรือ 0.94% ปิดที่ 14,700.95 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 14.87 จุด หรือ 0.93% ปิดที่ 1,582.70 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 29.66 จุด หรือ 0.89% ปิดที่ 3,299.13 จุด ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงหลังจากที่ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดแรงงานใน สหรัฐ เปิดเผยว่า ภาคเอกชนทั่วสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่ม 119,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นในสัดส่วนที่น้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปี ที่แล้ว นอกจากนี้ ตัวเลขดังกล่าวยังน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ในตลาดคาดการณ์ไว้ ขณะที่สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) รายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนเม.ย.อยู่ที่ระดับ 50.7 ลดลงจากเดือนมี.ค.ที่ระดับ 51.3 นอกจากนี้ ทางการสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนมี.ค.ร่วงลง 1.7% เมื่อเทียบกับเดือนก.พ.ที่เพิ่มขึ้น 1.5% ทั้งนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงแม้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ที่ระดับ 0 - 0.25% ในการประชุมระยะเวลา 2 วันซึ่งเสร็จสิ้นเมื่อวานนี้ (1 พ.ค. ) พร้อมกับย้ำว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำเป็นพิเศษต่อไปและจะยังคง เดินหน้าโครงการซื้อสินทรัพย์ในวงเงินปัจจุบันที่ 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน จนกว่าอัตราว่างงานจะลดลงต่ำกว่าระดับ 6.5% และจนกว่าอัตราเงินเฟ้อจะเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 2.5% หุ้นเมิร์กซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 2.79% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายรายไตรมาสที่ลดลงเกินคาด และยังได้ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในปี 2556 ส่วนหุนคอมคาสท์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเคเบิลทีวี พุ่งขึ้น 1.36% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาด นักลงทุนจับตาดูกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาค เกษตรเดือนเม.ย.ในวันศุกร์นี้เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขการจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 145,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. และคาดว่าอัตราการว่างงานจะทรงตัวอยู่ที่ 7.6%