ธนาคารกลางสเปนรายงานว่า หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของภาคธนาคารสเปนแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยในช่วงเดือนมิ.ย.-ก.ค.ปีนี้ หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของสเปนพุ่งขึ้นจาก 8.9% สู่ระดับ 9.86% ซึ่งคิดเป็นมูลค่า 1.6933 แสนล้านยูโร (ราว 2.20 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) นับแต่รัฐบาลสเปนได้ขอความช่วยหลือทางการเงินจากสหภาพยุโรป (อียู) ปริมาณหนี้เสียของธนาคารสเปนก็ได้เพิ่มสูงขึ้น การพุ่งขึ้นของหนี้เสียดังกล่าวส่วนใหญ่มีสาเหตุจากกลุ่มธนาคารบีเอฟเอ-บังเกีย ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่อันดับ 4 ของสเปนและมีการแปรรูปกิจการเป็นของรัฐบาลในเดือนพ.ค. โดยบังเกียได้รับเงินอัดฉีด 9 พันล้านยูโร และจนถึงเดือนมิ.ย. ธนาคารเผชิญกับการขาดทุนเป็นวงเงิน 4.448 พันล้านยูโร ตัวเลขหนี้เสียที่เพิ่มขึ้น ซึ่งมีการเปิดเผยเมื่อวานนี้ เป็นผลมาจากหนี้เสียจากภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยภาคที่อยู่อาศัยมีหนี้ค้างชำระเป็นสัดส่วน 60% ซึ่งคิดเป็นมูลค่า 78.582 ล้านยูโร อย่างไรก็ตาม จำนวนเงินที่ปล่อยกู้แก่ภาคอสังหาริมทรัพย์ได้ลดลงแตะ 2.869 แสนล้านยูโร ปัญหาในระบบการธนาคารของสเปน ซึ่งมีสาเหตุจากภาวะฟองสบู่แตกในภาคอสังหาริมทรัพย์นั้น ส่งผลให้รัฐบาลสเปนต้องขอความช่วยเหลือจากอียู ในปัจจุบันนี้ คาดว่าสเปนจะขอความช่วยเหลืออีกครั้ง ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับแผนการซื้อพันธบัตรของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ที่มีจุดประสงค์เพื่อผ่อนคลายแรงกดดันในตลาด สำนักข่าวซินหัวรายงาน