แม้เศรษฐกิจสหรัฐไตรมาสสามจะปรับตัวขึ้นอีกครั้ง โดยเติบโตสูงถึง 4.1% มากที่สุดในรอบเกือบ 2 ปี อีกทั้งการใช้จ่ายของภาคธุรกิจและผู้บริโภคแข็งแกร่งกว่าที่คิด แต่นักวิเคราะห์กลับกังวลว่า ทั้งหมดนี้อาจตกอยู่ภายใต้คุกคาม หากตลาดพันธบัตรเริ่มควบคุมไม่ได้ในปี 2557 หัวหน้านักเศรษฐศาตร์ตลาดการเงิน จากมูดี้ส์ อะนาไลติคส์ "นายจอห์น ลอนสกี" เชื่อว่า ความเสี่ยงใหญ่สุดในขณะนี้คือผลตอบแทนพันธบัตรกระทรวงการคลังพุ่งสูงเกินไป หลังธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณหรือคิวอีลงมา ทำให้เกิดความเป็นไปได้ว่า ผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปีของกระทรวงการคลังอาจเกินระดับที่เศรษฐกิจสหรัฐจะรับได้ สถานการณ์ดังกล่าว จะทำให้สหรัฐจำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ยเพื่อชะลอการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร พร้อมลดราคาพันธบัตรลงมา ซึ่งจะสร้างความกังวลเรื่องการชะลอตัวในภาคอสังหาริมทรัพย์ และเศรษฐกิจโดยรวมตามมา นายลอนสกีกล่าวด้วยว่า เศรษฐกิจที่น่าจะเติบโตราว 2.5% จะลดลงเหลือ 2% ซึ่งไม่มั่นใจว่าจะมากพอที่จะเร่งให้เกิดเศรษฐกิจถดถอยหรือไม่ หากพิจารณาในแง่คุณภาพสินเชื่อ เขามองว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังอยู่ในสถานะที่ดี แต่ยังกังวลหากยอดขายบ้านต่ำกว่าคาด ทั้ง ๆ ที่ราคาบ้านอ่อนตัวลง ขณะที่นายคลาร์ก วินเทอร์ เตือนว่า แม้สภาคองเกรสจะผ่านร่างงบประมาณแล้ว แต่ยังมีการเลือกตั้งกลางเทอมอีกไม่กี่เดือนต่อจากนี้ หมายความว่าการเมืองยังเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อเศรษฐกิจ บททดสอบแรกเพิ่งเกิดขึ้นคือทำเนียบขาวเตือนว่า กระทรวงการคลังจะไม่สามารถกู้ยืมเงินได้อีกภายในปลายเดือนกุมภาพันธ์-ต้นมีนาคม จนกว่าสภาคองเกรสจะเพิ่มเพดานหนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่สมาชิกสภาคองเกรสต้องขับเคี่ยวกันอย่างหนักในช่วงหลายปีที่ผ่านมา