ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (27 มี.ค.) ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลว่าวิกฤตการเงินที่เกิดขึ้นกับไซปรัส อาจจะลุกลามไปยังประเทศอื่นในยูโรโซน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการปรับตัวลงของยอดทำการสัญญาขายบ้านของสหรัฐ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 33.49 จุด หรือ 0.23% แตะที่ 14,526.16, ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 0.92 จุด หรือ 0.06% แตะที่ 1,562.85 และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 4.04 จุด หรือ 0.12% แตะที่ 3,256.52 จุด ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลงหลังจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติ ของสหรัฐ เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) หดตัวลง 0.4% สู่ระดับ 104.8 ในเดือนก.พ.จากเดือนม.ค. ส่วนดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายเดือนม.ค. ถูกปรับลดลงเล็กน้อยสู่ระดับ 105.2 จากเดิมที่รายงานว่าอยู่ที่ 105.9 ทั้งนี้ ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย เป็นมาตรวัดจำนวนสัญญาซื้อบ้านมือสองที่มีการเซ็นต์สัญญาแล้ว แต่ยังไม่ได้ปิดการขาย นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับไซปรัส โดยไซปรัสมีกำหนดเปิดเผยแผนควบคุมเงินทุน เพื่อป้องกันเงินทุนไหลออกในการเปิดดำเนินการอีกครั้งของธนาคาร พาณิชย์ในวันพรุ่งนี้ โดยธนาคารพาณิชย์ของไซปรัสๆได้ปิดทำการมานับตั้งแต่อียูและไซปรัส ได้บรรลุข้อตกลงพื้นฐานเกี่ยวกับเงื่อนไขของมาตรการให้ความช่วยเหลือ มูลค่า 1 หมื่นล้านยูโร ซึ่งมีเป้าหมายที่จะช่วยกอบกู้วิกฤตในภาคการธนาคารของไซปรัส หุ้นคลิฟส์ เนเชอรัล รีซอสเซส ซึ่งเป็นผู้ผลิตแร่เหล็กรายใหญ่ระดับโลก ร่วงลง 13.86% ปิดที่ 18.46 ดอลลาร์ หลังจากเจพีมอร์แกน ได้ปรับลดเป้าหมายราคาหุ้นดังกล่าวลงเหลือ 14 ดอลลาร์ ส่วนหุ้น SAIC พุ่งขึ้น 3.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลง โดยหุ้นเจพีมอร์แกน ร่วงลง 1.8% และหุ้นซิตี้กรุ๊ป ปรับตัวลง 0.8%