นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวว่า ค่าเงินบาทยังคงมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลจากการที่สหรัฐใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ(QE)ในการ แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ทำให้แนวโน้มเงินสกุลต่างๆ ทั่วโลกแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์ ยกเว้นประเทศที่ขาดดุลการค้าหรือดุลบัญชีเดินสะพัด อย่างไรก็ตาม ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และกระทรวงการคลัง คงไม่มีนโยบายที่จะเข้าแทรกแซงค่าเงินให้ผิดธรรมชาติ แต่จะดำเนินนโยบายเพื่อสนับสนุนให้มีการนำเงินบาทไปลงทุนต่างประ เทศมากขึ้น ทั้งลงทุนโดยตรงหรือลงทุนในตราสารการเงินต่างๆ รวมถึงส่งเสริมเอกชนใช้โอกาสนี้ในการนำเข้าสินค้าทุนเพื่อปรับ เปลี่ยนเครื่องจักรใหม่เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ส่วนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลจะไม่มีการกู้เงินตราต่าง ประเทศ เพราะจะส่งให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นไปอีก แต่จะใช้แหล่งเงินในประเทศ โดยสภาพคล่องในระบบขณะนี้ยังมีเพียงพอ เพราะที่ผ่านมา ธปท.ได้เข้าดูแลสภาพคล่อง โดยทำให้เงินบาทมีเสถียรภาพ และไม่กระทบต่อผู้ส่งออก "เงินบาทแข็งค่าก็มองในด้านดี เพระเรามีการนำเข้าพลังงานมาก ทำให้เรามีรายจ่ายที่ไม่มากเกินไป เชื่อว่า ธปท.และคลังจะติดตามดูแลเงินบาทไม่ให้เกิดผลดีหรือผลเสียในด้านใด ด้านหนึ่ง"นายกิตติรัตน์ กล่าว