สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ หรือ IEA คาดการณ์ว่าทางสหรัฐจะแซงหน้าซาอุดีอาระเบียและรัสเซียขึ้นเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดภายในปี 2015 และจะทำให้สหรัฐลดประมาณน้ำมันจาก OPEC Fatih Birol หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำ IEA กล่าวว่า IEA มองเห็นการเคลื่อนไหว 2 อย่างในตลาดน้ำมัน นั่นคือนับถึงปี 2017 คาดว่าน้ำมันเบาจากชั้นหินจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากบราซิล ทำให้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าความต้องการน้ำมันตะวันออกกลางจะลดลงอย่างแน่นอน แต่เนื่องจากแหล่งน้ำมันจากชั้นหินของสหรัฐมีจำกัด ปริมาณจะเพิ่มขึ้นแล้วลดลง ทำให้หลังจากปี 2017 น้ำมันจากตะวันออกกลางจะมีอิทธิพลมาก IEA กล่าวว่า ราคาน้ำมันจะสูงขึ้นต่อเนื่อง ส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาแหล่งน้ำมันใหม่ ๆ เช่น น้ำมันเบาจากชั้นหินที่กระตุ้นการเติบโตอย่างรวดเร็วของตลาดน้ำมันสหรัฐหรือทรายน้ำมันในแคนาดา การผลิตในแหล่งน้ำลึกในบราซิล และก๊าซธรรมชาติเหลว ราคาน้ำมันจะสูงขึ้นเรื่อย ๆ ถึง 128 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลภายในปี 2012 หรือเพิ่มขึ้น 3 ดอลลาร์จากคาดการณ์ปี 2012 ซึ่งราคาของปี 2035 จะเป็น 216 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ผลผลิตน้ำมันจากชั้นหินคาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า แต่ IEA กล่าวว่า โลกไม่ได้อยู่บนจุดสูงสุดของยุคน้ำมันอุดมสมบูรณ์รอบใหม่ เพราะภายในกลางทศวรรษ 2020 การผลิตน้ำมันนอกกลุ่ม OPEC จะลดลง และการจัดหาน้ำมันส่วนใหญ่ในโลกจะมาจากประเทศตะวันออกกลาง มีการคาดการณ์ว่าทาง U.S. จะผลิตน้ำมันได้ถึง 101ล้านบาร์เรลต่อวัน ในปี 2035 ซึ่งขึ้นจาก 86.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในปี 2011 และมากกว่าปีที่แล้วจาก 99.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน นี่ถือว่าเป็นข่าวดีของทางสหรัฐเลยทีเดียวที่ไม่ต้องหวังพึ่งพาประเทศอื่นเพื่อให้มีน้ำมันเพียงพอต่อผู้บริโภคภายในประเทศ